ราคา DashDASH

Dash คืออะไร

Dash เป็นบล็อกเชนแบบโอเพนซอร์สที่มุ่งเน้นด้านการให้บริการวิธีการชำระเงินดิจิทัลที่รวดเร็วและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น Dash เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมกราคมปี 2014 ในฐานะ Fork ของ Litecoin ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาข้อจำกัดบางประการของ Bitcoin เช่น เวลาในการทำธุรกรรมที่ล่าช้าและการขาดความเป็นส่วนตัว Dash หรือชื่อเต็มว่า “Digital Cash” ใช้เครือข่ายแบบสองชั้น (Two-Tier Network) ร่วมกับ Node สำหรับให้รางวัลตอบแทนที่ชื่อว่า “Masternode” นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น InstantSend สำหรับการทำธุรกรรมด่วน, ChainLocks สำหรับประวัติที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ และ PrivateSend เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้การทำธุรกรรม

Dash ก่อตั้งขึ้นโดย Evan Duffield และ Kyle Hagan ภายใต้ชื่อเริ่มต้นว่า “XCoin” ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “Darkcoin” และในท้ายที่สุดก็ได้จบลงที่ชื่อ “Dash” ในเดือนมีนาคมปี 2015 เพื่อให้ชื่อนี้สะท้อนถึงเป้าหมายด้านความเร็วและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการเปิดตัว Dash นั้น Duffield มีพร้อมทั้งประสบการณ์ด้านการเงินและการพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมถึง Machine Learning และการพัฒนาเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เป้าหมาย ณ ขณะนั้นของเขาจึงเป็นการพัฒนาฟีเจอร์การไม่เปิดเผยตัวตนใน Bitcoin ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาใช้เวลาสุดสัปดาห์หนึ่งในการเขียน Code ที่สุดท้ายได้กลายมาเป็นบล็อกเชน Dash ในปัจจุบันนี่เอง

แหล่งข้อมูล

เอกสารทางการ: https://docs.dash.org/en/stable/

เว็บไซต์ทางการ: https://www.dash.org/

Dash ทำงานอย่างไร

เครือข่าย Dash มีโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้สถาปัตยกรรมสองชั้น (Two-Tier Architecture) ที่ประกอบด้วย Node ทั่วไปและ Masternode สำหรับ Node ชั้นแรกจะมีหน้าที่จัดการด้านการตรวจสอบยืนยันธุรกรรมทั่วไปและการขุด ส่วน Masternode จะมอบบริการเพิ่มเติม เช่น InstantSend, PrivateSend และ ChainLocks นั่นเอง Dash ใช้งานกลไกฉันทามติ Proof of Work (PoW) สำหรับการดำเนินการในชั้นแรก ซึ่งจะมี Node แข่งขันกันเพื่อแก้ไขปัญหาการเข้ารหัสที่ซับซ้อน อีกทั้งยังใช้อัลกอริทึมที่เรียกว่า “X11” ซึ่งพัฒนาโดย Evan Duffield ผู้ก่อตั้ง Dash โดยอัลกอริทึมดังกล่าวจะใช้ชุดอัลกอริทึมสำหรับการ Hash ที่แตกต่างกันถึง 11 แบบเพื่อยกระดับความปลอดภัย

ชั้นที่สองจะประกอบไปด้วย Masternode ที่ทำงานภายใต้โมเดล Proof of Service โดย Node เหล่านี้จะได้รับการจัดอันดับตามประวัติการบริการเพื่อให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพ Masternode มีอำนาจในการปฏิเสธบล็อกที่ได้รับอนุมัติอย่างไม่เหมาะสม และเปิดใช้งานฟีเจอร์ ChainLocks เพื่อปกป้องเครือข่ายจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น เช่น 51% Attack ทั้งนี้ ในทุก 12 ชั่วโมง กลุ่ม Masternode จะหมุนเวียนเข้ามายืนยันบล็อกใหม่ทั้งหมดที่เพิ่มลงในบล็อกเชน เพื่อทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของเครือข่าย

Dash Token (DASH) คืออะไร

Dash Token (DASH) เป็นคริปโทเคอร์เรนซีดั้งเดิม (Native) ของเครือข่าย Dash ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพลังงานสำหรับทำธุรกรรมและเครื่องมือการลงทุนไปพร้อมๆ กัน หากต้องการเป็น Masternode Operator ผู้ใช้จะต้องถือ 1,000 DASH เป็นหลักประกัน ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบภายในเครือข่ายขึ้นด้วย นอกจากนั้น รางวัลบล็อกส่วนหนึ่งที่สร้างขึ้นภายในเครือข่าย Dash จะถูกจัดสรรให้กับ Masternode เหล่านี้ เพื่อสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมให้อีกขั้น สรุปคือ DASH สามารถนำไปใช้ในธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งทางออนไลน์และในร้านค้าจริง โดยทำงานภายใต้จุดประสงค์หลักในการอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว

ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อราคาของ Dash Token (DASH)

มูลค่าของ DASH ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งอิทธิพลต่างๆ เช่น ความต้องการของตลาด ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภายในเครือข่าย Dash ตลอดจนการอัปเดตด้านการกำกับดูแลและสภาวะเศรษฐศาสตร์มหภาคก็สามารถส่งผลต่อราคาของโทเค็นได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น อัตราการนำไปใช้งานในหมู่ผู้ค้าและผู้ใช้เอง ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อมูลค่าของ DASH Token และสุดท้าย ระบบ Treasury ของ Dash ซึ่งจัดสรร 10% ของรางวัลบล็อกไว้สำหรับการพัฒนาโปรเจกต์ ก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโปรเจกต์สำคัญๆ ได้รับเงินทุนและดำเนินการได้สำเร็จลุล่วง

ผลกระทบของ Dash ในด้านการเงิน

Dash มีอิทธิพลอย่างมากต่อภูมิทัศน์ทางการเงิน ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่รวดเร็วขึ้น ประหยัดกว่า และขยายการรองรับได้อย่างมากเมื่อเทียบกับระบบการชำระเงินทั่วไป การที่ Dash ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการใช้งานและความเป็นส่วนตัวนั้นสามารถดึงดูดความสนใจจากเซกเตอร์บริการทางการเงิน นักเทรด และผู้ที่ต้องการโอนเงินระหว่างประเทศได้เป็นพิเศษ ทั้งนี้ Dash ยังนำเสนอบริการให้กับทั้งผู้ใช้รายบุคคลและสถาบัน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นคริปโทเคอร์เรนซีสำหรับการชำระเงินที่ใช้งานง่ายและขยายการรองรับได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย

บทสรุป

กล่าวโดยสรุป คือ Dash มีเป้าหมายที่จะปฏิรูปการชำระเงินดิจิทัลโดยนำเสนอวิธีการที่มีความเร็วสูง ความเป็นส่วนตัว และรูปแบบการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์ ระบบสองชั้น (Two-Tier) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dash จะให้บริการฟีเจอร์ขั้นสูง ไปพร้อมๆ กับดูแลรักษาให้เครือข่ายยังมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ดังนั้น Dash จึงกลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีทางการเงินที่กำลังพัฒนาเช่นนี้